วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

บุคลิกภาพที่ดีสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านบริการ:สอนแต่งหน้า อบรมแต่งหน้า:เทคนิคการแต่งหน้า:บุคลิกภาพ

ลักษณะบุคลิกภาพที่ดีสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านบริการอาจพิจารณาแบบกว้าง ๆ ดังนี้
1. ส่วนที่เกี่ยวกับร่างกาย ได้แก่ การมีสุขภาพพลานามัยดี แต่งกายสะอาดและเรียบร้อย กิริยาท่าทางสง่า ร่าเริง แจ่มใส ว่องไว แต่ไม่ใช่หลุกหลิกลุกลน
2. เสียงและภาษาที่พูด น้ำเสียงแจ่มใส ชัดเจน ไม่เบาและไม่ดังเกินไป พูดจาฉะฉาน ไม่เพ้อเจ้อหรือ คลุมเครือ ใช้ภาษาเหมาะแก่บุคคล และถูกกาลเทศะ คุณลักษณะประจำตัวอื่น ๆ เช่น มีความอดทนและอดกลั้นต่อสิ่งภายนอกที่มากระทบจิตใจ สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ไม่หวั่นไหว ไม่แสดงออกถึงลักษณะของคนเจ้าอารมณ์ เป็นคนที่รับฟังความคิดเห็น และฟังข้อขัดแย้งของผู้อื่นด้วยอารมณ์ปกติ เข้าใจอะไรได้รวดเร็ว เป็นผู้มีวิจารณญาณไตร่ตรอง สุขุม สามารถเข้าใจอะไรได้ถูกต้อง ตัดสินใจได้เร็วและเหมาะสม วินิจฉัยปัญหาถูกต้องตามที่ควรจะเป็น เป็นต้น

การเสริมสร้างบุคลิกภาพสำหรับผู้ปฏิบั่ติงานด้านบริการ ได้แก่
1. การมอง สายตาสามารถบอกถึงความรัก ความเกลียดชัง ความเมตตาปรานี ความโกรธแค้น ความเคารพนับถือ หรือความเหยียดหยาม ดูหมิ่นดูแคลน ฉะนั้น เมื่อเรามองใคร เราจะต้องพยายามใช้สายตาด้วยความสุภาพเรียบร้อย ระวังในการใช้สายตาอย่าให้คนอื่นเกิดความเข้าใจผิดได้
2. การแต่งกาย ต้องคำนึงถึงความสะอาดเรียบร้อย ถูกต้องและเหมาะสมกับกาลเทศะ เช่น ใส่รองเท้ารัดส้น ใส่เสื่อทับใน ควรมีสูท ซึ่งจะทำให้เรามีบุคลิกที่ดูดี และสง่างาม
3. การพูด ต้องมีศิลปะในการพูด ให้ชนะใจผู้ฟัง โดยจะต้องใช้คำพูดที่มีเหตุผล สุภาพ ไพเราะ และใช้คำพูดที่เหมาะสมกับผู้ฟัง (โดยคำนึงถึงวัย เพศ ระดับการศึกษา อาชีพ และความสนใจพิเศษของผู้ฟัง) สถานที่ เวลา และโอกาส
4. การเดิน ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงดังจนเกินไป ซึ่งจะทำให้เป็นที่รบกวนผู้อื่น ต้องเดินให้ตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง เดินให้มีท่าทางสง่าและเรียบร้อย ไม่เดินผ่ากลางผู้อื่นที่ยืนสนทนากันอยู่
5. การแสดงท่าทาง ต้องระวังท่าทางที่ไม่สวยงาม เวลาพูดหรือทำอะไรก็ตาม อย่ามีการแสดงท่าประกอบมากเกินไปจนน่าเกลียด หรือแสดงท่าที่ไม่สุภาพ
6. ทักษะในการทำงาน ในการทำงานใด ๆ ก็ตามจะต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ต้องทำด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ด้วยความชำนาญ และให้ได้ผลงานดีเด่น
7. สุขภาพ ต้องระวังสุขภาพให้ดี อย่าให้มีโรค ระวังรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ

การใช้สายตา และแววตา
    สายตาและแววตาที่แสดงออกมานั้นสามารถเป็นสิ่งดึงดูดใจผู้อื่นได้ แต่บางคนมีแววตาเศร้าหมอง สีหน้าอิดโรย ดูเหมือนคนไม่ได้นอน หรือเจอเจ้านายหรือลูกน้องด้วยแล้วจะทำให้บริษัทของคุณดูเงียบขรึมไปในทันที หรือบางคนเวลาที่เราคุยด้วยสายตาจะไปมองที่อื่น โดยคุณสามารถพัฒนาเริ่มจากตัวเองได้ดังนี้ การคุยกับผู้อื่นต้องสบตาเราต้องสบตาด้วยตลอด ไม่หลบหรือหลีกเลี่ยงการปะทะสายตา แต่การสบสายตานั้นไม่ใช่การจ้องแบบเอาเลือดเอาเนื้อ ควรเป็นการแสดงออกด้วยความรู้สึกเอาใจใส่ และความปรารถนาที่อยากจะพูดคุยด้วย รวมถึงมีแววตาที่เต็มใจให้ความช่วยเหลือ ความเป็นกันเอง และความร่วมมือต่างๆ ดังนั้นการนอนหลับพักผ่อน การดูแลสุขภาพของตนเองนั้นจะทำให้คุณมีสภาพจิตใจที่ดี และมีแววตาที่ดี สดใส และแจ่มใสอยู่เสมอ
    การใช้คำพูด และน้ำเสียง
    การใช้คำพูด และน้ำเสียงนั้นมีความสำคัญยิ่งกว่าสายตาที่จ้องมองคู่สนทนาซะอีก เพราะการใช้น้ำเสียง และคำพูดที่ไม่ถูกกาลเทศะจะทำให้ความหมายที่สื่อออกมาผิด ยิ่งเป็นคนที่ไม่สุภาพด้วยแล้ว จะทำให้คนอื่นมองเราเป็นคนก้าวร้าว สักแต่ว่าจะพูด โดยคุณสามารถพัฒนาตัวเองได้ดังนี้ นิ่งเงียบ ใช้สถานการณ์ของการเงียบสยบความรู้สึก เพราะการที่ไม่พูดจะดีกว่าพูดออกมา แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็ให้เลือกใช้คำพูดแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่นจะดีกว่า คือ หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ดูถูกดูหมิ่น เหน็บแนม หรือใช้คำพูดก้าวร้าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น